วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556


“ทรู” ทุ่ม 1.8 พันล้าน คว้าสิทธิยิงสดบอลไทย

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2556 เวลา 19:14 น.
เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน นายอดิศัย วารินทร์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท และนายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สาย Commercial ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ร่วมกันแถลงข่าวในพิธีลงนามสัญญาการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2557-2559 โดยมี นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด (ทีพีแอล) ร่วมเป็นสักขีพยาน
               
นายวรวีร์ มะกูดี กล่าวแสดงความยินดีกับทาง ทรูวิชั่นส์ ผู้ชนะสิทธิ์การประมูลการถ่ายทอดสด พร้อมยืนยันว่าต้องการการสร้างแบรนด์ลูกหนังไทยลีกไปสู่มาตรฐานสากลและมีเป้าหมายให้โด่งดังไปทั่วทวีปเอเชีย ในส่วนของทรูวิชั่นส์นั้นจะดำเนินการถ่ายทอดสดฟุตบอลอาชีพ รายการ คือ ไทยพรีเมียร์ลีกดิวิชั่น 1, เอฟเอคัพ และลีกคัพ โดยทีมในไทยลีก จะได้รับเงินสนับสนุนไม่ต่ำกว่าทีมละ 20 ล้านบาทดิวิชั่น ทีมละ ล้านบาท และทีมในลีกภูมิภาค ดิวิชั่น ทีมละ ล้านบาท ตนขอยืนยันว่า สมาคมฯ ได้มอบหมายให้ทาง สยามสปอร์ต ดูแลลิขสิทธิ์ต่างๆ และ สยามสปอร์ต” ได้มอบหมายให้ เซอร์ เดวิด ริชาร์ด อดีตประธานพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นผู้ดำเนินการประมูล ซึ่งถือว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และมีมาตรฐาน ส่วนกรอบเวลาในการประมูลนั้นได้เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ค.เป็นต้นมา
               
ทางด้าน นายอดิศัย วารินทร์ศิริกุล กล่าวว่า การประมูลครั้งนี้ ตามกำหนดเดิมจะเริ่มกระบวนการเมื่อมีการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ เสร็จสิ้น แต่เมื่อพิจารณาแล้วการเลือกตั้งยังไม่อาจหาข้อยุติได้ และมีท่าทีว่าจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ซึ่งหากการประมูลต้องล่าช้าออกไป จะทำให้เกิดผลกระทบได้ จึงได้ตัดสินใจเริ่มกระบวนการประมูลการถ่ายทอดสด ซึ่งเราได้รับเกียรติจาก เซอร์เดวิด ริชาร์ด เข้ามาเป็นที่ปรึกษา และดำเนินการตามขั้นตอนของสากล จนในที่สุดก็ได้ผู้รับลิขสิทธิ์คือ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ส่วนเงินตอบแทนจากการขายลิขสิทธิ์ให้กับสโมสรต่างๆ นั้น ในเบื้องต้นจะมอบให้เป็น 3 ช่วง คือ ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล ในช่วงเดือน ม.ค. ช่วงระหว่างฤดูกาลประมาณ เดือน พ.ค. และช่วงเดือน ก.ย.นั่นเอง
               
บอสใหญ่สยามสปอร์ต ยืนยันว่า การเปิดประมูลเป็นไปอย่างโปร่งใส เริ่มต้นจากการเชิญบริษัทที่สนใจเข้ามาดูรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งมีประมาณ 3 บริษัท จากนั้นให้ยื่นซองและราคาเข้ามา ก่อนที่สุดท้าย ทรูวิชันส์ จะชนะการประมูลอย่างเด็ดขาด ตนขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจได้ว่าการประมูลไม่มีอะไรหมกเม็ดแน่นอน ขณะที่ นายองอาจ ประภากมล กล่าวว่า ทรูวิชันส์ ต้องการสนับสนุนและพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ซึ่งเราต้องการให้ผู้ชมทางบ้านได้ดูฟุตบอลดีๆ นอกจากนี้ยังถ่ายทอดสดกีฬาต่างๆ อีกมากมายอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น